ไม่เจ็บมือกับถุงมือผู้รักษาประตู
ผู้รักษาประตู เป็นตำแหน่งในการเล่นกีฬาหลายประเภท มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ทีมฝ่ายตรงข้ามทำคะแนนได้ โดยการป้องกันลูกบอลหรืออุปกรณ์อื่นเข้าสู่ประตู ในส่วนของการสวมถุงมือนั้น ในกติกาอนุญาตให้ผู้เล่นสวมถุงมือได้ ส่วนผู้รักษาประตูจะสวมถุงมือพิเศษ ในปี 1970 ผู้เล่นมักไม่ค่อยสวมถุงมือ แต่ปัจจุบันถือเป็นเรื่องผิดปกติ การออกแบบถุงมือได้มีการพัฒนามาอย่างชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องป้องกันนิ้วหักไปด้านหลัง มีการแบ่งแต่ละส่วนให้ยืดหยุ่นมากขึ้น และอุปกรณ์สำหรับฝ่ามือก้ออกแบบให้ป้องกันสำหรับให้การยึดเกาะดีมากขึ้น ถุงมือมีการออกแบบในแต่ละส่วนเพื่อความหลากหลาย เช่น แบบแฟลตปาล์ม, โรลล์ฟิงเกอร์, และเนกาทีฟ ที่มีความแตกต่างในการเย็นและพอดีมือ
โดยถุงมือผู้รักษาประตูมีการเย็บ3ประเภทดังนี้
1. Flat Palm (แบบธรรมดา)เป็นถุงมือที่เป็นการตัดเย็บในยุคแรกๆแต่ก็ใช้มาจนถึงปัจจุบัน บางคนจึงเรียกถุงมือแบบนี้ว่า Classic Cut, Regular Cut(RC) การตัดเย็บแบบนี้ใช้เนื้อโฟมแผ่นเดียวในการตัดเย็บ และมีผ้าบางๆเป็นตัวเชื่อมหลังมือและฝ่ามือเข้าด้วยกันบริเวณช่องว่างระหว่างนิ้ว การตัดเย็บแบบนี้ ทำให้มีเนื้อที่ในถุงมือมาก(ใส่สบาย) แต่จะไม่กระชับเท่าที่ควร หากคนที่ชอบใส่ถุงมือแบบกระชับ ผมแนะนำให้ลดไซส์ลงมา 0.5 เพื่อความกระชับ
2. Roll Fingerการตัดเย็บแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ การตัดเย็บแบบนี้เป็นการตัดเย็บแบบไร้รอยต่อระหว่างนิ้ว แต่จะใช้เนื้อโฟมแทน ถ้าจะพูดแล้วเห็นภาพง่ายให้นึกถึง ขนมปังห่อไส้กรอก โดยขนมปังเป็นเนื้อโฟมและไส้กรอกเปรียบเสมือนนิ้วของเราครับ การตัดเย็บแบบนี้จะกระชับกว่าFlat palmมาก และอาจจะไม่ต้องใช้Fingersaveช่วยเพราะการตัดเย็บแบบRoll Fingerนี้จะช่วยเซฟนิ้วเราได้ระดับนึง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบFingersave ดังนั้น Roll Fingerก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าใช้
3. Negative Cutเป็นการตัดเย็บแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเยอรมัน การตัดเย็บของ Negative Cut นี้ไม่ต่างอะไรกับ Flat Palm มากมาย ใช้ Latex ชิ้นเดียวในการผลิตและมี Gussets เป็นส่วนประกอบ แต่ Negative Cut นี้จะเย็บ Gussets บริเวณด้านในของนิ้ว ซึ่งเป็นผลให้ถุงมือแบบ Negative Cut นี้มีความกระชับมากกว่าการตัดเย็บแบบอื่น ส่วนความรู้สึกที่กระชับของการตัดเย็บแบบ Negative Cut จะช่วยเพิ่มความสามารถในการสัมผัสบอลมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสมบัติไมได้ต่างอะไรกับ Roll Finger มากมายเท่าไหร่ สังเกตุได้ว่าช่วงหลังถุงมือจะเพิ่มการตัดเย็บแบบ Negative Cut เพิ่มขึ้นมาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ใช้ เพราะความกระชับที่กำลังดีที่เป็นสาเหตุหลัก ผู้รักษาประตูชั้นนำในระดับแนวหน้าที่สวมใส่ถุงมือ Adidas ส่วนมาจะเลือกใช้ Negative Cut กันเกือบจะทุกคน (ประมาณ 90% ของทั้งหมด)
วิธีทำความสะอาดถุงมือ
1. หลังเล่นเสร็จทุกครั้งเราควรซักถุงมือทุกครั้ง เพราะจะไม่ทำให้คราบสกปรกฝังลงบนโฟมของถุงมือแล้วยังสามารถ ลดกลิ่นของถุงมือของเราได้อีกด้วย
2. ควรซักถุงมือด้วยน้ำอุ่นประมาณ 35 - 39 องศาเซลเซียล เพราะน้ำอุ่นสามารถเอาคราบสกปรกที่ติดอยู่บนถุง มือออกมาง่ายกว่าน้ำที่อุณหภูมิ
3. ควรใช้สบู่ชนิดอ่อนๆผสมน้ำ (เช่น สบู่เหลวของเด็ก) เพราะสบู่ที่เข้มข้นเกิดไปอาจไปทำลายเนื้อโฟม
4. ควรใช้แปรงขนนุ่ม ขัดคราบสกปรกที่ติดอยู่ที่เนื้อโฟมออก ไม่ควรใช้แปรงขนแข็งทำความสะอาด เพราะอาจจะทำ ให้เนื้อโฟมเกิดความเสียหายได้
5. ควรตากถุงมือที่ซักเสร็จไว้ในที่ร่มและลมผ่าน และ ห้ามโดนแสงแดดหรือความร้อนโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เนื้อ โฟมเสีย
วิธีเลือกไซส์ถุงมือ
วัดขนาดแบบความกว้างของมือวัดขนาดแบบความกว้างของมือวัดขนาดแบบความยาวของมือวัดขนาดแบบความยาวของมือวัดขนาดแบบรอบมือวัดขนาดแบบรอบมือวัดขนาดจากส่วนสูง
1)วัดขนาดแบบความกว้างของมือ
2)วัดขนาดแบบความยาวของมือ
3)วัดขนาดแบบรอบมือ
4)วัดส่วนสูง
โดยถุงมือผู้รักษาประตูมีการเย็บ3ประเภทดังนี้
1. Flat Palm (แบบธรรมดา)เป็นถุงมือที่เป็นการตัดเย็บในยุคแรกๆแต่ก็ใช้มาจนถึงปัจจุบัน บางคนจึงเรียกถุงมือแบบนี้ว่า Classic Cut, Regular Cut(RC) การตัดเย็บแบบนี้ใช้เนื้อโฟมแผ่นเดียวในการตัดเย็บ และมีผ้าบางๆเป็นตัวเชื่อมหลังมือและฝ่ามือเข้าด้วยกันบริเวณช่องว่างระหว่างนิ้ว การตัดเย็บแบบนี้ ทำให้มีเนื้อที่ในถุงมือมาก(ใส่สบาย) แต่จะไม่กระชับเท่าที่ควร หากคนที่ชอบใส่ถุงมือแบบกระชับ ผมแนะนำให้ลดไซส์ลงมา 0.5 เพื่อความกระชับ
2. Roll Fingerการตัดเย็บแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ การตัดเย็บแบบนี้เป็นการตัดเย็บแบบไร้รอยต่อระหว่างนิ้ว แต่จะใช้เนื้อโฟมแทน ถ้าจะพูดแล้วเห็นภาพง่ายให้นึกถึง ขนมปังห่อไส้กรอก โดยขนมปังเป็นเนื้อโฟมและไส้กรอกเปรียบเสมือนนิ้วของเราครับ การตัดเย็บแบบนี้จะกระชับกว่าFlat palmมาก และอาจจะไม่ต้องใช้Fingersaveช่วยเพราะการตัดเย็บแบบRoll Fingerนี้จะช่วยเซฟนิ้วเราได้ระดับนึง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบFingersave ดังนั้น Roll Fingerก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าใช้
3. Negative Cutเป็นการตัดเย็บแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเยอรมัน การตัดเย็บของ Negative Cut นี้ไม่ต่างอะไรกับ Flat Palm มากมาย ใช้ Latex ชิ้นเดียวในการผลิตและมี Gussets เป็นส่วนประกอบ แต่ Negative Cut นี้จะเย็บ Gussets บริเวณด้านในของนิ้ว ซึ่งเป็นผลให้ถุงมือแบบ Negative Cut นี้มีความกระชับมากกว่าการตัดเย็บแบบอื่น ส่วนความรู้สึกที่กระชับของการตัดเย็บแบบ Negative Cut จะช่วยเพิ่มความสามารถในการสัมผัสบอลมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสมบัติไมได้ต่างอะไรกับ Roll Finger มากมายเท่าไหร่ สังเกตุได้ว่าช่วงหลังถุงมือจะเพิ่มการตัดเย็บแบบ Negative Cut เพิ่มขึ้นมาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ใช้ เพราะความกระชับที่กำลังดีที่เป็นสาเหตุหลัก ผู้รักษาประตูชั้นนำในระดับแนวหน้าที่สวมใส่ถุงมือ Adidas ส่วนมาจะเลือกใช้ Negative Cut กันเกือบจะทุกคน (ประมาณ 90% ของทั้งหมด)
วิธีทำความสะอาดถุงมือ
1. หลังเล่นเสร็จทุกครั้งเราควรซักถุงมือทุกครั้ง เพราะจะไม่ทำให้คราบสกปรกฝังลงบนโฟมของถุงมือแล้วยังสามารถ ลดกลิ่นของถุงมือของเราได้อีกด้วย
2. ควรซักถุงมือด้วยน้ำอุ่นประมาณ 35 - 39 องศาเซลเซียล เพราะน้ำอุ่นสามารถเอาคราบสกปรกที่ติดอยู่บนถุง มือออกมาง่ายกว่าน้ำที่อุณหภูมิ
3. ควรใช้สบู่ชนิดอ่อนๆผสมน้ำ (เช่น สบู่เหลวของเด็ก) เพราะสบู่ที่เข้มข้นเกิดไปอาจไปทำลายเนื้อโฟม
4. ควรใช้แปรงขนนุ่ม ขัดคราบสกปรกที่ติดอยู่ที่เนื้อโฟมออก ไม่ควรใช้แปรงขนแข็งทำความสะอาด เพราะอาจจะทำ ให้เนื้อโฟมเกิดความเสียหายได้
5. ควรตากถุงมือที่ซักเสร็จไว้ในที่ร่มและลมผ่าน และ ห้ามโดนแสงแดดหรือความร้อนโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เนื้อ โฟมเสีย
วิธีเลือกไซส์ถุงมือ
วัดขนาดแบบความกว้างของมือวัดขนาดแบบความกว้างของมือวัดขนาดแบบความยาวของมือวัดขนาดแบบความยาวของมือวัดขนาดแบบรอบมือวัดขนาดแบบรอบมือวัดขนาดจากส่วนสูง
1)วัดขนาดแบบความกว้างของมือ
2)วัดขนาดแบบความยาวของมือ
3)วัดขนาดแบบรอบมือ
4)วัดส่วนสูง
ที่มาของถุงมือผู้รรักษาประตู
รอยช์ถือเป็นผู้ผลิตถุงมือผู้รักษาประตูรายแรกๆของโลกเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากับอูลสปอร์ต (1973) ในตอนนั้นผู้รักษาประตูมักไม่ใส่ถุงมือหรือไม่ก็ใส่ถุงมือที่ทำขึ้นเอง หรือบางคนเดินไปขอยืมเพื่อนบ้าน เมื่อถึงฟุตบอลโลกปี 1974 เซป ไมเออร์ ประตูชาวเยอรมันผู้เป็นตำนานได้ลงแข่งโดยใช้ถุงมือยี่ห้อรอยช์ที่เขาร่วมออกแบบ และสามารถชูถ้วยเวิล์ดคัพได้ หลังจากนั้นถุงมือรอยช์และประโยชน์ของการใส่ถุงมือก็เริ่มรู้จักแพร่หลายออกไปในโลกฟุตบอล ตามสถิติตั้งแต่ปี 1974 -1996 ทุกครั้งของฟุตบอลโลก จะต้องมีประตูที่สวมถุงมือรอยช์ลงแข่้งขันอยู่เสมอ ยังไม่นับรายการยูโร ที่ทีมแชมป์ต้องมีประตูใช้รอยช์มาตลอด 24 ปี รอยช์เป็นที่นิยมมากในฝั่งอเมริกาเหนือและใต้ แต่หลังจากปี 1999 ความแรงของผู้เล่นหน้าใหม่อย่างอดิดาส ไนกี้ และพูม่า ก็ทำให้ความนิยมในรอยช์ดูแผ่วลงไป ในบ้านเราหลายปีก่อน รอยช์เป็นที่นิยมมากเนื่องจากเป็นถุงมือคุณภาพดี ราคาค่อนข้างถูก และมีไลน์การผลิตที่หลากหลายมากหลายสิบรุ่น แต่หลังจากซุ่มเงียบมาหลายปี ในปี 2006 รอยช์ปฏิวัติตัวเองโดยการจ้างนักออกแบบชั้นนำ และอันเชิญเซป ไมเออร์กลับมาร่วมงานอย่างเต็มตัวอีกครั้ง รอยช์ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ฟิงเกอร์เซฟห้านิ้ว โซนชกบอล เพื่อประกาศความเป็นผู้นำวงการคืนมา อย่างไรก็ตามหลังจากปีนั้นถุงมือรอยช์ก็มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับราคาน้ำมัน จนกลายมาเป็นถุงมือระดับไฮเอนด์ราคาสูงลิบ จนรอยช์ค่อยๆห่างหายไปจากห้างร้านในเมืองไทยในที่สุดหากคุณจะซื้อถุงมือรอยช์ ต้องมั่นใจว่าคุณกำลังใช้เงินอย่างเหมาะสม และนำไปใช้งานอย่างเหมาะสม ถุงมือตั้งแต่โฟมระดับคะแนน 9 ขึ้นไป ถือว่าใช้งานได้เยี่ยมแล้ว ความจริงอย่างหนึ่งก็คือดีไซเนอร์ของรอยช์ต้องการออกแบบให้เบา แข็งแรงและใส่สบายเป็นหลัก อย่างไรก็ตามที่ปรึกษานั้นเห็นว่าถุงมือควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้รักษาประตูเพิ่มเข้าไปอีก ดังนั้นสิ่งที่คุณจะพบคือ ถุงมือรอยช์ตามข้อแรก และถุงมือรอยช์ฉบับขัดใจแม่ที่เกินกว่าถุงมือทั่วไปคือมีอออปชั่นอะไรมากมายและราคาที่เพิ่มตามไปด้วย ถุงมือคู่ที่แพงที่สุดอาจไม่ได้เป็นถุงมือที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นกับความถนัดของผู้ใช้และการใช้งานในสภาพสนามต่างๆกันการออกแบบและนวัตกรรมที่เปลี่ยนวงการ ดังภาษิต นำหน้าครึ่งก้าวอยู่เสมอ เทคโนโลยีที่มีผู้รักษาประตูตัวเก๋าร่วมพัฒนา และการรับฟังเสียงจากลูกค้าและพร้อมจะปรับเปลี่ยนถุงมือตามความต้องการแบบปีต่อปี เป็นเหตุผลที่รอยช์ยังคงยืนหยัดเป็นผู้ผลิตถุงมืออันดับต้นๆมาจนถึงปัจจุบันอย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ถุงมือหลายๆยี่ห้อ ราคาถีบตัวสูงขึ้นไปมาก ทำให้จริงๆแล้ว รอยส์ ก็อาจจะไม่ใช่ถึงมือราคาแพงอีกต่อไป
รอยช์ถือเป็นผู้ผลิตถุงมือผู้รักษาประตูรายแรกๆของโลกเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากับอูลสปอร์ต (1973) ในตอนนั้นผู้รักษาประตูมักไม่ใส่ถุงมือหรือไม่ก็ใส่ถุงมือที่ทำขึ้นเอง หรือบางคนเดินไปขอยืมเพื่อนบ้าน เมื่อถึงฟุตบอลโลกปี 1974 เซป ไมเออร์ ประตูชาวเยอรมันผู้เป็นตำนานได้ลงแข่งโดยใช้ถุงมือยี่ห้อรอยช์ที่เขาร่วมออกแบบ และสามารถชูถ้วยเวิล์ดคัพได้ หลังจากนั้นถุงมือรอยช์และประโยชน์ของการใส่ถุงมือก็เริ่มรู้จักแพร่หลายออกไปในโลกฟุตบอล ตามสถิติตั้งแต่ปี 1974 -1996 ทุกครั้งของฟุตบอลโลก จะต้องมีประตูที่สวมถุงมือรอยช์ลงแข่้งขันอยู่เสมอ ยังไม่นับรายการยูโร ที่ทีมแชมป์ต้องมีประตูใช้รอยช์มาตลอด 24 ปี รอยช์เป็นที่นิยมมากในฝั่งอเมริกาเหนือและใต้ แต่หลังจากปี 1999 ความแรงของผู้เล่นหน้าใหม่อย่างอดิดาส ไนกี้ และพูม่า ก็ทำให้ความนิยมในรอยช์ดูแผ่วลงไป ในบ้านเราหลายปีก่อน รอยช์เป็นที่นิยมมากเนื่องจากเป็นถุงมือคุณภาพดี ราคาค่อนข้างถูก และมีไลน์การผลิตที่หลากหลายมากหลายสิบรุ่น แต่หลังจากซุ่มเงียบมาหลายปี ในปี 2006 รอยช์ปฏิวัติตัวเองโดยการจ้างนักออกแบบชั้นนำ และอันเชิญเซป ไมเออร์กลับมาร่วมงานอย่างเต็มตัวอีกครั้ง รอยช์ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ฟิงเกอร์เซฟห้านิ้ว โซนชกบอล เพื่อประกาศความเป็นผู้นำวงการคืนมา อย่างไรก็ตามหลังจากปีนั้นถุงมือรอยช์ก็มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับราคาน้ำมัน จนกลายมาเป็นถุงมือระดับไฮเอนด์ราคาสูงลิบ จนรอยช์ค่อยๆห่างหายไปจากห้างร้านในเมืองไทยในที่สุดหากคุณจะซื้อถุงมือรอยช์ ต้องมั่นใจว่าคุณกำลังใช้เงินอย่างเหมาะสม และนำไปใช้งานอย่างเหมาะสม ถุงมือตั้งแต่โฟมระดับคะแนน 9 ขึ้นไป ถือว่าใช้งานได้เยี่ยมแล้ว ความจริงอย่างหนึ่งก็คือดีไซเนอร์ของรอยช์ต้องการออกแบบให้เบา แข็งแรงและใส่สบายเป็นหลัก อย่างไรก็ตามที่ปรึกษานั้นเห็นว่าถุงมือควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้รักษาประตูเพิ่มเข้าไปอีก ดังนั้นสิ่งที่คุณจะพบคือ ถุงมือรอยช์ตามข้อแรก และถุงมือรอยช์ฉบับขัดใจแม่ที่เกินกว่าถุงมือทั่วไปคือมีอออปชั่นอะไรมากมายและราคาที่เพิ่มตามไปด้วย ถุงมือคู่ที่แพงที่สุดอาจไม่ได้เป็นถุงมือที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นกับความถนัดของผู้ใช้และการใช้งานในสภาพสนามต่างๆกันการออกแบบและนวัตกรรมที่เปลี่ยนวงการ ดังภาษิต นำหน้าครึ่งก้าวอยู่เสมอ เทคโนโลยีที่มีผู้รักษาประตูตัวเก๋าร่วมพัฒนา และการรับฟังเสียงจากลูกค้าและพร้อมจะปรับเปลี่ยนถุงมือตามความต้องการแบบปีต่อปี เป็นเหตุผลที่รอยช์ยังคงยืนหยัดเป็นผู้ผลิตถุงมืออันดับต้นๆมาจนถึงปัจจุบันอย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ถุงมือหลายๆยี่ห้อ ราคาถีบตัวสูงขึ้นไปมาก ทำให้จริงๆแล้ว รอยส์ ก็อาจจะไม่ใช่ถึงมือราคาแพงอีกต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น